เชื่อหรือไม่ว่าหลายคนสับสนว่าประกันชั้น 2 กับประกันชั้น 2 พลัส สรุปแล้วเหมือนกันหรือต่างกันยังไง หรือหากต่างกันก็คงจะต่างกันไม่มาก บอกเลยว่าคุณอาจคิดผิด แต่จะน่าสนใจอย่างไรและต่างกันแค่ไหน เราจะพาไปทำความเข้าใจ
ความแตกต่างระหว่างประกันชั้น 2 พลัสและประกันชั้น 2
สิ่งที่เหมือนกันระหว่างประกันชั้น 2 พลัสกับประกันชั้น 2 คือ ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันในจำนวนเงินที่ใกล้เคียงกัน แต่ในส่วนของความคุ้มครองจะต่างกัน คือ
1. ประกันชั้น 2
คุ้มครองรถเฉพาะกรณีรถหายหรือไฟไหม้ แต่ไม่คุ้มครองกรณีที่เกิดอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณีและมีคู่กรณี เช่น ชนต้นไม้ ชนรถยนต์คันอื่น ฯลฯ โดยไม่รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถของผู้เอาประกัน รับผิดชอบเฉพาะค่าซ่อมรถหรือค่าความเสียหายของทรัพย์สินที่เกิดจากอุบัติเหตุของคู่กรณีเท่านั้น เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ใช้รถในชีวิตประจำวันสักเท่าไหร่ การมีประช่วยให้อุ่นใจได้ว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุเราไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด
2. ประกันชั้น 2 พลัส
คุ้มครองทั้งกรณีรถหายหรือไฟไหม้และกรณีเกิดอุบัติเหตุจากยานพาหนะทางบกเท่านั้น โดยความคุ้มครองจะใกล้เคียงประกันชั้น 1 มากที่สุด เพราะไม่ว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นกับคู่กรณีหรือรถของเรา ทางประกันก็จะรับผิดชอบทั้งหมด ขอเพียงแค่อุบัติเหตุดังกล่าวเป็นไปตามเงื่อนไขเท่านั้น เหมาะสำหรับคนที่ต้องการคุ้มครองที่ครบครันในราคาที่ถูกลง
แล้วประกันชั้น 2 พลัสต่างจากประกันชั้น 1 ยังไง
เรื่องความคุ้มครองนั้นมีความใกล้เคียงกับประกันชั้น 1 มากที่สุดอย่างที่เราได้กล่าวไป แต่หากเปรียบเทียบถึงความแตกต่างจะเห็นได้ว่าด้อยกว่าในเรื่องความคุ้มครอง เพราะในกรณีที่ผู้เอาประกันชนกำแพง ต้นไม้ ฟุตบาท หรือกรณีที่ไม่มีคู่กรณีหรือไม่ใช่ยานพาหนะทางบก ทางบริษัทประกันจะไม่รับเคลม ส่วนเงื่อนไขการคุ้มครองส่วนเสริมอื่น ๆ เหมือนประกันชั้น 1
นอกจากนั้น หากเปรียบเทียบกันในเรื่องของราคา จะเห็นได้ว่ามีราคาถูกกว่าประกันชั้น 1 เกือบเท่าตัว ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจเลือกซื้อประกันชั้นไหนก็ตาม ควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนเสมอ หรือขอคำแนะนำกับบริษัทประกันที่มีความน่าเชื่อถือว่าควรประกันประเภทไหน เลือกอย่างไร
อย่างไรก็ตามการทำประกันถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ครอบครองรถยนต์ ซึ่งมีให้เลือกทั้งภาคบังคับหรือพ.ร.บ. และภาคสมัครใจที่มีให้เลือกหลายประเภท ไม่ว่าประกันชั้น 2 พลัส ประกันชั้น 1 หรือรูปแบบอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับความครอบคลุมของการคุ้มครอง ยิ่งความคุ้มครองเยอะ ค่าเบี้ยประกันก็ยิ่งสูง แต่ในขณะเดียวกันหากราคาเบี้ยประกันต่ำความคุ้มครองก็จะน้อยลง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้คุณก็จำเป็นต้องศึกษาและนำมาเปรียบเทียบกันหลายประเภท เพื่อเลือกให้สอดคล้องกับลักษณะการใช้งาน มั่นใจได้ว่าจะได้มาในราคาที่เหมาะสมและการคุ้มครองที่ครบครัน